ทฤษฎี " อำนาจอธิปไตย " ของ Jean Bodin ( ฌอง โบแดง) ให้ความหมายของอำนาจอธิปไตยว่าเป็นอำนาจเด็ดขาดและถาวร เป็นอำนาจสูงสุดที่มิอยู่ภายใต้บังคับของกฎเกณฑ์ใดๆแสดงออกโดยการออกกฎหมายและยกเลิกกฎหมายเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นรัฐที่แท้จริง จากคำสอนของโบแดง ทำให้เกิดความคิดที่ถือว่า " กฎหมายเป็นสิ่งที่มนุษย์บัญญัติขึ้น " ซึ่งพัฒนาไปสู่ความคิดสำนัก กฎหมายบ้านเมือง 2.
วิดีโอ YouTube สำนักกฎหมายบ้านเมือง นั้นเป็นแนวความคิดปฏิเสธ กฎหมายที่สูงกว่า (Higher Law) หรือกฎหมายธรรมชาติ (Natural Law) สิ่งที่ยอมรับเป็นกฎหมายที่แท้จริงคือกฎหมายบ้านเมืองหรือกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่เท่านั้น กฎหมายบ้านเมือง เป็นกฎหมายที่ตั้งอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยกฎหมายที่สูงกว่าเนื่องจากถือว่ารัฐาธิปัตย์มีอำนาจสูงสุดที่จะออกกฎหมายใดก็ได้ โดยมิอาจโต้แย้งถึงความถูก ความผิด ความดี ความชั่ว ยุติธรรม อยุติธรรม เพราะถือว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากกฎหมายที่ รัฐาธิปัตย์มีอำนาจที่จะบัญญัติขึ้น สาระสำคัญของความคิดนักคิดในแนวนี้ได้แก่ 1. ทฤษฎี "อำนาจอธิปไตย" ของ Jean Bodin (ฌอง โบแดง) ให้ความหมายของอำนาจอธิปไตยว่าเป็นอำนาจเด็ดขาดและถาวร เป็นอำนาจสูงสุดที่มิอยู่ภายใต้บังคับของกฎเกณฑ์ใดๆแสดงออกโดยการออกกฎหมายและยกเลิกกฎหมายเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นรัฐที่แท้จริง จากคำสอนของโบแดง ทำให้เกิดความคิดที่ถือว่า "กฎหมายเป็นสิ่งที่มนุษย์บัญญัติขึ้น" ซึ่งพัฒนาไปสู่ความคิดสำนัก กฎหมายบ้านเมือง 2.
ล้าหลังทำให้ไม่ทันกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน 2. คัดค้านการนำกฎหมายของประเทศอื่นมาใช้ในประเทศตน 3. เน้นนิติศาสตร์ 4. เน้นความยุติธรรมตามกฎหมายธรรมชาติเนื่องจากพัฒนามา จากขนบธรรมเนียมประเพณีและศีลธรรม Cr
ทฤษฎี " กฎหมาย คือ คำสั่งของรัฐาธิปัตย์ " ของ John Austin( จอห์น ออสติน) กฎหมาย คือ คำสั่งของรัฐาธิปัตย์ กฎหมายที่แท้จริงสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. กฎหมายที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดขึ้นใช้บังคับกับมนุษย์ 2. กฎหมายที่มนุษย์กำหนดขึ้นเพื่อใช้บังคับมนุษย์ด้วยกัน สำนักกฎหมายบ้านเมือง 1. กฎหมายทันสมัยกับเหตุการณ์ปัจจุบัน 2. ยอมรับการนำกฎหมายของประเทศอื่นมาใช้ในประเทศตน 3. เน้นนิติบัญญัติ 4.
ส่วนธรรมชาติ คือ ร่างกาย ( รูปธรรม) 2. สติปัญญาที่จะรู้ และเข้าใจสิ่งต่างๆ ( นามธรรม) ลักษณะสำคัญทาง กฎหมายธรรมชาติ 1. ต้องเป็นกฎเกณฑ์ทั่วไป คือ เป็นจริงในทุกสถานที่ สังคมสมัยนั้นเป็นสังคมแคบๆ มิได้สื่อสารกับกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมีจารีตประเพณีแตกต่างออกไป จึงเชื่อว่าจารีตประเพณีของตนเป็นกฎเกณฑ์ทั่วไป ( เทศะ) 2. ต้องมีลักษณะนิรันดร คือ เป็นจริงตลอดไป การพัฒนาสังคมในสมัยนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า กฎเกณฑ์ทางสังคม มีลักษณะเป็นจารีตประเพณี นับถือจากคนรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง จึงเชื่อว่าจารีตประเพณีของตนเป็นนิรันดร ( กาละ) ความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ มี 2 ทฤษฎี 1. เชื่อว่าธรรมชาติมนุษย์มีเหตุผล เชื่อว่ามนุษย์สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดี จึงทำให้สามารถเข้าใจหรือค้นหาหลักเกณฑ์ที่เป็นกฎหมายธรรมชาติได้ และยอมรับว่าโลกนี้เป็นโลกของเหตุผล มีหลักเกณฑ์ของมัน สังคมหรือรัฐบาลมนุษย์เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ 2.
Colloquium (เสวนา) โบแด็งเสนอประเทศหนึ่งซึ่งพลเมืองนับถือ 7 ศาสนา และสามารถอยู่รวมกันได้อย่างสงบสุขบนพื้นฐานแห่งความเข้าใจกัน และเคารพศรัทธาของกันและกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเกิดปัญหาที่ยังหาทางแก้ไขไม่ได้ โบแด็งก็เสนอวิธีแก้วิกฤตการณ์โดยให้ทุกฝ่ายถือหลักขันติไว้ก่อน จนกว่าจะเข้าใจปัญหาและพบวิธีแก้ปัญหาได้ในที่สุด